จะตัดสินใจเลือกทางไหนดี (ที่ดิน)

ขอท้าวความเดิมโดยละเอียดแต่ต้นนะคะ (เรื่องยาวมาก)  

คุณย่า มีพี่น้อง 2 คน คือ คุณย่า กับ น้องชาย(ในที่นี้จะขอเรียกว่า ปู่ ส. แกเสียไปนานแล้ว ) ประมาณเกือบ 30 ปีที่แล้ว ปู่ ส. ได้แบ่งที่ดินส่วนนึงและยกให้คุณพ่อเรา เนื่องจากอยากให้ทำไร่ ทำนา อยู่ด้วยกัน เป็นที่ดินที่ติดถนนสายหลัก  ณ ตอนนั้นไม่แน่ใจว่า ปู่ ส. ได้บอกลูกๆ ของแกหรือไม่ว่าเห็นด้วยหรือเปล่า แต่น่าจะมีการบอกประมาณว่า ได้ยกที่ดินดังกล่าวให้พ่อเราแล้ว และตลอดเวลาเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา ปู่ย่า พ่อแม่ เรา ก็ทำไร่ทำนาบนที่ดินดังกล่าวมาเรื่อยๆ  ลูกๆของ ปู่ ส. ก็รับรู้มาโดยตลอด

จนเมื่อ 7-8 ปี ที่แล้ว ที่คนอื่นๆ ข้างๆติดกันได้ก่อสร้างร้านกาแฟ ตกแต่งสวยงาม มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะพอสมควร ลูกชายของ ปู่ ส. (ขอเรียกว่า ลุง ช.) ได้มาชวนคุณพ่อให้พัฒนาและปรับปรุงที่ดินเพื่อจะก่อสร้างทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว ขายของริมทางกัน  คุณพ่อก็เห็นด้วยและเริ่มทำการปรับหน้าดิน ที่ดินเป็นที่ชันต้องถมดิน ซึ่ง ลุง ช. จะคอยเอาเปรียบพ่อตลอดเวลา หน้าดินที่ติดถนนของ ลุง ช. จะกว้างกว่าของพ่อประมาณ 4-5 เท่า ถมดินครั้งแรก ลุง ช. บอกเป็นที่ของแก ถมดินครั้งที่ 2 บอกไกลไป ให้ถมดินใหม่ให้ใกล้กว่านี้อีก คุณพ่อเราก็นับถือ และเกรงใจลุง ช.มาก แกว่าไงก็เอางั้น ถมดินครั้งที่ 3 ผ่านไป ถมดินครั้งที่ 4 แกบอกเป็นที่ของแกอีก ต้องถมอีกเป็นครั้งที่ 5  พอถมที่เสร็จก็ต้องติดต่อการไฟฟ้า เพื่อมาวางเสาและติดตั้งไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายคือ หาร 2 พอวันที่เค้ามาวางเสา คุณพ่อไม่อยู่ ลุง ช. ให้เค้าวางเสาไฟฟ้ากลางที่ ที่ดินของคุณพ่อซึ่งถมดินถึง 5 ครั้ง ซึ่งหน้าดินติดถนนมันแคบอยู่แล้ว  แต่ที่ดินของแก แกทำเป็นล็อคๆ ให้พ่อค้าแม่ค้ามาปลูกกระต๊อบขายของ 6-7 ราย

ที่ผ่านมาแม่เราก็มีปากเสียงกับพ่อเรื่องพวกนี้บ้าง แต่ก็ยังพอยอมๆ กันได้  แต่พอ ลุง ช.ให้เค้าวางเสากลางที่ของพ่อเลย แม่เลยเดือดและไปถาม ลุง ช. ว่าทำไมลุงถึงให้เค้ามาวางเสาตรงนั้น  ที่อื่นก็มีทำไมถึงมาขุดวางกลางที่แบบนี้ แล้วเราจะทำอะไรได้อีก ลุง ช. บ่ายเบี่ยงไม่ตอบตรงประเด็น พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของในที่ของแกก็พูดกันว่า มันเกินไปนะ ไม่น่าทำกันอย่างนี้  แต่คุณพ่อนี่ไม่กล้าว่าอะไรลุงแกเลย พอแม่บ่นพ่อก็ว่าแม่อีก ว่าที่ดินของพ่อเค้าให้มา เราจะไปเรียกร้องทำไม บลาๆๆๆ  เวลาลุง ช. จะก่อสร้างทำตัวบ้าน  ก็จะโทรตามบอกพ่อให้รีบไปก่อสร้าง อย่างโน้น อย่างนี้  พ่อก็ทำตามมาเรื่อยๆ แต่เนื่องจากต้องใช้เงินจำนวนมากพอสมควร คุณพ่อก็ทำๆ หยุดๆ บ้าง ลุง ช. ก็ไม่ค่อยพอใจ ระหว่างนี้พี่น้องคนอื่นของ ลุง ช. เริ่มเข้ามาบอกอย่างโน้น อย่างนี้ ประมาณว่า พี่น้องเค้าคุยกันแล้วจะขอแบ่งเขตที่ดินใหม่เนื่องจากที่ดินของเค้าหน้าดินติดถนนใหญ่จะกว้างแต่จะแคบลงไป อยากจะให้แบ่งที่ให้ตรงลงไปเลย ทำอะไรจะได้สะดวก ซึ่งที่ดินของคุณพ่อด้านหลังจะขยายกว้างออกไปประมาณ 4 ไร่เศษ คุณพ่อก็ได้แต่ตอบเค้าว่า ที่อ่ะพ่อเค้าก็เป็นคนให้มาเค้าจะเอายังไงก็ได้ ทีนี้พี่น้องเค้า เดี๋ยวคนนั้น เดี๋ยวนี้มาบอกกันคนละที สองที เดือนนึงมา 2-3 ครั้ง มีการบอกด้วยว่า แต่ก่อนอ่ะพวกเค้าไม่รู้ว่าที่ทางตรงนี้จะมีราคาและทำธุรกิจงอกเงยได้  แต่เดี๋ยวนี้มีราคา ทำเลดี  ซึ่งคุณพ่อก็ไม่ได้ไปทำการวัดให้เค้าอะไร ตอบแค่ว่าเค้าจะเอาตรงไหนยังไงก็ได้ และมีแต่เค้ามาบอกว่าจะเอาเท่าโน้น เท่านี้ ตลอด    

ระหว่างนั้นคุณพ่อก็ก่อสร้างทำคาน 3 ชั้นให้เสมอกับหน้าดินด้านหน้า (ซึ่งมีเสาไฟฟ้าอยู่กลางที่ดิน)

จนมาถึงเหตุการณ์ที่เกือบจะแตกหักกัน คือ เมื่อหน้าฝนปีที่แล้ว แม่กับน้องชายได้ขนหญ้าคาจะเอาไปวางพักไว้ก่อน เพราะที่ดังกล่าวติดถนน ขนย้ายสะดวก แกตั้งใจจะเอาไปใช้เรื่องอื่น พอไปถึงที่และจอดรถ หาทำเลอยู่ว่าจะเอาไว้ตรงไหนดี ยังไม่ทันได้ลงหญ้าคาจากรถเลย ลุง ช.เห็น แกเดินมาหาแม่กับน้องชาย และว่ากล่าวสารพัด ว่าจะเอามาวางตรงนี้ทำไม ทำไมไม่เอาไปวางที่อื่น หน้าฝนจะกลัวทำไมรถโฟล์วิลก็มีทำไมไม่เอาไปไว้ข้างล่างโน้น  ลุง ช. พูดด้วยอารมณ์และแกกินเหล้ามาด้วย (เข้าใจเองว่าแกคงกลัวว่าจะมาบดบังทัศนวิสัย) แม่เลยบอกน้องชายว่า อย่าไปคุยกับลุง แกเหมือนคนเมา แกได้ยินก็โวยวายว่าแกไม่ได้เมา น้องชายเลยตอบแกไปว่า ลุง เรายังไม่ได้เอาหญ้าคามาวางเลย อีกอย่างที่ตรงนี้เป็นที่ของเรา คือถ้าไม่มีที่จะวางแล้ว เราจะวางตรงนี้ไม่ได้เหรอ..... แค่นี้แหละ แกเดือดตะโกนด่าว่า ไม่เห็นหัวแก ดูถูกแก และหาว่าพ่อเราเสี้ยมสอนและเห็นด้วยใช่มั้ยที่พูดอย่างนี้ แกรีบโทรไปหาพ่อเราแต่พอดีสัญญาณโทรศัพท์พ่อคงไม่ค่อยดี เลยไม่ติด แม่กับน้องชายเลยขับรถกลับมาบ้าน พอมาถึงบ้าน พ่อรออยู่ด้วยหน้าตาเคร่งเครียด ว่าไปก่อเรื่องอะไรไว้ ลุงโทรมาร้องห่มร้องไห้ว่า แม่กับน้องไปว่าแกทำร้ายจิตใจ แกเสียใจมาก สรุปแม่กับน้องโดนพ่อว่าไปอีก 1 ชุดใหญ่ เครียดกันไปทั้งบ้าน

จริงๆ พวกเราในบ้านเคยคุยกันเรื่องนี้มาสักพักใหญ่ๆ  พอเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ คนในบ้านเลยสรุปว่า จะคืนที่ดินดังกล่าวให้ลุง ช. กับพี่น้องเค้าไป ขอแค่ให้ลุงคืนเงินส่วนที่ลงทุนไปประมาณ หนึ่งล้านห้าแสน ยิบย่อยไม่คิด แล้วถือว่าจบกัน ไม่อยากให้เรื่องเรื้อรังและถึงขั้นแตกหักกันแบบมองหน้าไม่ติด

พ่อเลยส่งตัวแทนไปเจรจากับลุง ช. แต่แกไม่ได้ให้คำตอบว่าจะเอายังไง .....

จนเมื่อ 3 วันก่อน พ่อได้ไปหาแกและคุยกับแก แกเลยบอกพ่อว่า  ที่อ่ะให้แล้วไม่เอาคืน แต่ถ้าจะไม่เอาแล้ว จะขายก็ได้ ให้ขายเฉพาะที่ดินที่ถมและทำคานแล้วเท่านั้น ที่ดินข้างหลัง 4 ไร่ แกไม่ให้ขาย และถ้ายังเอาที่อยู่ให้ แม่กับน้องชายไปคุยและปรับความเข้าใจกับแกทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม.....

ซึ่งการตัดสินใจค่อนข้างลำบากมาก  เลยอยากขอคำปรึกษาเพื่อนๆ ดังนี้
1.    ตัดปัญหาขายที่ ที่ถมดินและทำคานไว้แล้ว ส่วนที่เหลือข้างหลังอีก 4 ไร่เศษ ก็จะตกเป็นของ ลุง ช.โดยอัตโนมัติ
2.    เอาที่ดินอยู่ และให้แม่กับน้องชายไปคุยปรับความเข้าใจกับแก (ประมาณว่าให้ไปขอโทษ  และไม่รับประกันว่าจะมีการมาก้าวก่ายกันอีกหรือไม่)

(ถ้าแท็กผิดก็ขออภัยนะคะ มือใหม่หัดใช้พันทิป)

ปล. ลืมบอกค่ะว่า ที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น เป็นที่ดินจับจองทำกิน และรู้กันว่าเป็นที่ของใครเท่านั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่